วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระบบการเมืองกับกฎหมายเอกชนเยอรมนี (๑)

กฎหมายเอกชน หมายถึง กฎหมายเกี่ยวกับนิติสัมพันธ์ระหว่างเอกชนต่อเอกชน อาทิเช่น กฎหมายแพ่ง กฎหมายพาณิชย์ ซึ่งในประเทศไทยหลักการของกฎหมายทั้งสองรวมอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยหลักการของกฎหมายเอกชนมักเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากกว่าจะป็นเรื่องการเมือง โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงระบบการเมือง เรามักนึกถึง กฎหมายมหาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เมื่อในระบบกฎหมายเยอรมนี มีการกล่าวถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง กฎหมายเอกชน กับระบบการเมือง จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ที่ควรทำการศึกษาหรือเผยแพร่ประเด็นที่กล่าวมานี้แก่นักศึกษาและผู้ที่สนใจ

1.กฎหมายเอกชน กับสังคมอุตสาหกรรม

กฎหมายเอกชนยืนอยู่บนพื้นฐานของหลักการทางสังคมและเศรษฐกิจในระบบอุตสาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้จัดระบบและเปลี่ยนโฉมหน้าสังคมอย่างที่เราไม่อาจคาดคิด การดังกล่าวได้นำไปสู่ การผลิตสินค้า การค้าขาย และบริการ โดยสังคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่จะขยายขนาดของการผลิต การค้าและบริการมากขึ้นทุกวัน การควบรวมบริษัทได้บีบบังคับให้เกิดการสร้างกฎเกณฑ์ที่เข้าไปกำกับดูแลตลาดที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และผู้ใช้แรงงาน คือ ประชากรส่วนใหญ่ในสังคมอุตสาหกรรมแห่งนี้

การควบรวมบริษัทให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นได้ก่อให้เกิดพลังอำนาจใหม่ทางการตลาดและสร้างปัญหาในการตัดสินใจในเรื่องทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ( เช่น การควบรวมกิจการจนก่อให้เกิดการผูกขาดทางการค้าจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายอื่น และผู้บริโภค) กรณีดังกล่าวจึงได้เกิดแนวความคิดในการสร้างสมดุลให้เกิดกับสังคมโดยการบัญญัติกฎเกณฑ์ในทางเศรษฐกิจ ( เช่น กฎหมายการแข่งขันทางการค้า)กระทั่งการบัญญัติหลักการในการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจและสังคมในรัฐธรรมนูญ ( เช่น การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม) ในที่สุดความต้องการในการมีกฎเกณฑ์ที่เข้าไปจัดความสัมพันธ์ที่สมดุลระหว่างผู้ผลิตสินค้ากับผู้บริโภคก็เกิดขึ้น การดังกล่าวได้นำไปสู่การสร้างหลักการใหม่ๆทั้งในการบัญญัติกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติและการตัดสินคดีของศาลซึ่งในยุโรปมิได้เกิดขึ้นเพียงในระดับชาติเท่านั้น การเกิดขึ้นของสหภาพยุโรปได้ก่อให้เกิดการสร้างระเบียบกฎเกณฑ์เพื่อสร้างสมดุลให้กับตลาด โดยเฉพาะในพรมแดนของกฎหมายการค้าและบริการ รวมถึงการคุ้มครองผู้บริโภค และการปรับระบบวิธีพิจารณาคดีแพ่งให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น (ในประเทศไทยได้เพิ่งมีการบัญญัติกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีคุ้มครองผู้บริโภค)

นอกจากนี้การพัฒนาระบบการสื่อสารสารสนเทศได้ก่อเกิดการทำนิติกรรมสัญญาในระบบอินเทอเนตซึ่งทวีความสำคัญอย่างมากมายในปัจจุบัน ระบบอินเทอเนตได้สร้าง นิติสัมพันธ์ ที่มีลักษณะข้ามชาติ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีกฎเกณฑ์ในการเข้าไปจัดระบบระเบียบสำหรับคู่สัญญา ในเยอรมนีการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อบทบัญญัติในบรรพที่ ๑ ว่าด้วยหลักการทั่วไป โดยมีการบัญญัติกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการแสดงเจตนาผ่านการสื่อสารทางไกลในประมวลกฎหมายแพ่ง และประชาคมยุโรปเองก็ได้วางแนวทาง (Richtlinie)ให้กับรัฐสมาชิกในการพัฒนากฎเกณฑ์เกี่ยวกับ การแสดงเจตนาผ่านการสื่อสารทางไกล (Die EG-Fernabsatzrichtlinie) การค้าอิเลกทรอนิก (E-commerce-Richtlinie) การปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค ตลอดจนการส่งเสริมการค้าขายพาณิชย์อิเลกทรอนิก

2.กฎหมายเอกชนในฐานะเครื่องมือกำหนดทิศทางสังคม

กฎหมายเอกชนมีลักษณะเช่นเดียวกับกฎหมายอื่นๆซึ่งมีพันธกิจสำคัญในการเป็นเครื่องมือสำหรับกำหนดทิศทางของสังคม กฎหมายเอกชนจึงมิอาจแยกขาดจากระบบการเมืองและสังคมของประเทศหนึ่งๆและยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสถาปนาหลักการทางรัฐธรรมนูญ ( เช่น หมวดว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพ) โดยหน้าที่ของกฎหมายเอกชนในฐานะที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งทางการเมืองได้รับการยอมรับในวงวิชาการและในทางปฏิบัติ ของประเทศเยอรมนี

ในปัจจุบันได้เกิดปรากฏการณ์ในการสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นกับระบบกฎหมายเอกชนของรัฐสมาชิกในสหภาพยุโรปที่ดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลักการทางกฎหมายเอกชนหลายหลักการมีความเกี่ยวพันกับความคิดทางการเมืองและได้รับการคุ้มครองโดยระบบกฎหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งหากแนวทางของสหภาพยุโรปเป็นจริงหลักการของกฎหมายเอกชนย่อมได้รับผลกระทบและต้องมีการพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระบบกฎหมายหรือบทบัญญัติอื่นๆที่เกี่ยวพันหรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ความแตกต่างของบทบัญญัติแห่งกฎหมายในรัฐสมาชิกทำให้การสร้างเอกภาพให้กับระบบกฎหมายเอกชนของสหภาพยุโรปยากที่จะเป็นจริง

หลักการพื้นฐานของกฎหมายเอกชน เช่น ความสามารถในทางกฎหมาย พรมแดนอิสระของเอกชน ทรัพย์สิน เป็นหลักการที่มีพัฒนาการจาก เสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมของบุคคลในทางกฎหมายเอกชน อาจกล่าวได้ว่าหลักการพื้นฐานของกฎหมายเอกชนได้บันทึกไว้ซึ่งประสบการณ์ของมนุษยชาติในหลายช่วงทางประวัติศาสตร์ หลักการดังกล่าวได้กลายเป็นบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งปรากฏตัวอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่ง ซึ่งมีเป้าหมายในการบรรลุถึงเสรีภาพและความเท่าเทียมอันเป็นหลักการเบื้องหลังในการขับเคลื่อนประวัติศาสตร์

การผูกมัดกับระบบการเมืองทำให้กฎหมายเอกชนสร้างหน้าที่ทางกฎหมายและทางการเมืองให้กับฝ่ายนิติบัญญัติ แต่บทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติในระดับชาติอาจถูกมองข้ามเมื่อสถาบันต่างๆของสหภาพยุโรปเจริญเติบโตมากขึ้น โดยบทบาทของสหภาพยุโรปมีส่วนสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมในการเปลี่ยนแปลงหลักการของกฎหมายเอกชน ซึ่งบทบาทดังกล่าวอาศัยการทำงานของรัฐสภายุโรปและคณะกรรมการต่างๆของสหภาพยุโรป ซึ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

3.ความเชื่อมโยงระหว่างพันธกิจของกฎหมายเอกชนกับระบบการเมือง
ความเชื่อมโยงของกฎหมายเอกชนกับระบบการเมืองได้ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์เยอรมนีอย่างมีนัยสำคัญ ความเปลี่นแปลงของประมวลกฎหมายแพ่ง ( Buergerliche Gesetzbuch : BGB )ที่เกิดขึ้นทั้งในยุคสมบูรณาญาสิทธิราช ( Kaiserreich) ยุคสาธารณรัฐไวมาร์ ( Weimarer Republik) ยุคนาซี ( NS-Zeit)ยุคสังคมนิยมในเยอรมนีตะวันออก (DDR) และยุคสาธารณรัฐเยอรมนี ( Bundesrepublik)เป็นประจักษ์พยานของเนื้อหาแนวคิดการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อกฎหมายเอกชนเยอรมนี ซึ่งในกรณีนี้มีตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ

๑.กฎหมายเอกชนเยอรมนีในยุคนาซี

ในยุคนาซีมีความพยายามในการแทนที่ประมวลกฎหมายแพ่ง (BGB) ที่มีรากฐานจากกฎหมายโรมันด้วยประมวลกฎหมายของประชาชน( Volksgesetzbuch)ซึ่งมีพื้นฐานจากแนวคิดชาตินิยม บทบัญญัติทั่วไปของประมวลกฎหมายแพ่ง (BGB)ถูกกำจัดออกไปจากแผนการบรรยายทางวิชาการในมหาวิทยาลัยโดยอาศัยกฎระเบียบเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของอาณาจักรไรช์ กฎเกณฑ์พื้นฐานที่สำคัญ อาทิ การแสดงเจตนา นิติกรรม สัญญา เผชิญข้อหาที่ว่า บทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีลักษณะที่เป็นรูปธรรม (konkret) และไม่ส่งเสริมคุณลักษณะของชาวเยอรมนี (voelkisch)ในปี ๑๙๓๗ เลขานุการแห่งอาณาจักรไรช์ นามว่า Schlegelberger ได้กล่าวอย่างสิ้นคิดในเบอร์ลินว่า "บอกลา BGBได้แล้ว" หลังจากนั้นได้มีศาสตราจารย์จำนวนมากได้เข้าไปมีส่วนร่วมในช่วงปี ๑๙๓๙-๑๙๔๓ เพื่อจัดทำประมวลกฎหมายของประชาชน ซึ่งปรากฏหลักการพื้นฐานที่สำคัญ ดังนี้

ก.ประมวลกฎหมายของประชาชนต้องสนองตอบต่อนโยบายข้อ ๑๙ ของพรรคนาซีที่ว่า "เราส่งเสริมให้แทนที่กฎหมายแพ่งที่ใช้ทั่วโลกซึ่งมีที่มาจากกฎหมายโรมัน ด้วย กฎหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของชาติเยอรมนี" (กรณีนี้แสดงออกถึงความพยายามในการจัดระเบียบโลกใหม่ของนาซีผ่านประมวลกฎหมายแพ่งของประชาชน )

ข. "เป้าหมายในการยกเลิก BGB คือการก้าวข้ามความบิดเบือนของแนวคิดเรื่องเสรีภาพที่มุ่งเน้นเพียงแต่ความเป็นปัจเจกชนนิยมและวัตถุนิยม" (กรณีนี้แสดงออกถึงความพยายามในการทำลายแนวคิดของสิทธิและเสรีภาพที่เป็นพื้นฐานของ BGB)

ค."เสรีนิยม คือ ความคิดว่าด้วยหน้าที่ และความสามัคคี และประโยชน์ของมหาชนมีขึ้นเพื่อปัจเจกบุคคล (Gemeinnutz geht vor Eigennutz)" (กรณีนี้แสดงออกถึงความพยายามบิดเบือนหลักการเสรีนิยมให้สอดคล้องกับหลักการของนาซี)

ง.นโยบายของพรรคนาซีถือเป็น บ่อเกิดแห่งกฎหมาย

จ.ต้องมีการสถาปนาความเป็นหนึ่งเดียวแห่งกฎหมายเพื่อความไพบูลย์ของเลือดเยอรมัน

หลักการพื้นฐานที่กล่าวมาได้นำไปสู่การจัดทำร่างประมวลกฎหมายของประชาชน โดยในหลักพื้นฐานประการที่ ๙ บัญญัติว่า "ประชาชนทุกคนควรใช้เงินและทรัพย์สินของตนเพื่อเป้าหมายในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประชาชาติเยอรมนี" ในหลักการพื้นฐานประการที่ ๑ และ ๗ กล่าวว่า "ความไพบูลย์ของชนชาติเยอรมัน คือกฎเกณฑ์สูงสุด" และ "หน้าที่ประการแรกของชนชาวเยอรมันคือ การใช้พลังของตนเพื่อประชาชาติเยอรมัน" นอกจากนี้การตีความประมวลกฎหมายต้องยึดถืออุดมการณ์ของพรรคนาซีเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตามร่างประมวลกฎหมายของประชาชนไม่มีผลใช้บังคับจริงแต่ประการใด

๒.กฎหมายเอกชนในระบบสังคมนิยม ( เยอรมนีตะวันออก )
ในสมัยที่มีการแบ่งยแกเยอรมนีออกเป็นสอง ในเยอรมนีตะวันออกมีการบัญญัติ ประมวลกฎหมายเอกชน หรือ ZGB( Zivilgesetzbuch) ขึ้นแทนที่ประมวลกฎหมายแพ่ง (BGB)ในปี ๑๙๗๕ ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีกฎหมายแรงงานที่มีผลบังคับใช้ในปี ๑๙๖๑ และกฎหมายครอบครัวที่มีผลใช้บังคับในปี ๑๙๖๕ ออกมาก่อหน้า ZGB แล้ว สำหรับเยอรมนีตะวันออกการเกิดขึ้นของประมวลกฎหมายเอกชนแสดงออกถึงการผละตัวออกจากความเป็นหนึ่งเดียวของกฎหมายที่มีกับสหพันธรัฐเยอรมนี ประมวลกฎหมายเอกชนได้เปลี่ยนเนื้อหาไปสู่แนวความคิดสังคมนิยม โดยประมวลกฎหมายเอกชนได้กลายเป็นเครื่องมือของรัฐในการกำหนดทิศทางของสังคมเพื่อเป้าหมายในทางสังคมนิยม

ประมวลกฎหมายเอกชน ประกอบด้วยบทบัญญัติทั้งสิ้นเพียง ๔๘๐ มาตรา น้อยกว่า BGB ห้าเท่า โดยมีเนื้อหาในการจัดดระบบกฎหมายใหม่ซึ่งแบ่งแยกประชาชนออกจากงานเพื่อส่วนร่วม และในส่วนหลักการทั่วไปของ BGB ถูกยกเลิกไปโดยสิ้นเชิง ( หลักการทั่วไปของ BGB แสดงออกอย่างชัดเจนถึง หลักการแห่งเสรีภาพซึ่งขัดกับหลักสังคมนิยม)วิชาการต่างๆต้องถูกปรับให้สอดคล้องกับข้อเท็จริงทางสังคมแบบสังคมนิยม ซึ่งกฎเกณฑ์ของระบอบสังคมนิยมมีคุณค่าและสถานะเหนือกว่า สิทธิของปัจเจกบุคคล ซึ่งในระบบสังคมนิยมไม่มีการประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแต่อย่างใด

ตัวอย่างเช่น ในคำปรารภของประมวลกฎหมายเอกชน กล่าวว่า "เป้าหมายของประมวลกฎหมายนี้ คือ การสร้างสังคมแบบสังคมนิยม" "ประชาชน และส่วนงาน (คอมมูน) มีความรับผิดชอบและหน้าที่ต่อสังคม" นอกจากนี้แนวความคิดพื้นฐานของประมวลกฎหมายเอกชนยังอ้างอิงถึงความคิด อุดมการณ์ของรัฐแบบมากซ์และเลนิน โดยในมาตรา ๖ ของประมวลกฎหมายเอกชนกล่าวว่า สิทธิและหน้าที่ของเอกชนในทางทางแพ่งถูกกำหนดโดยความสัมพันธ์แบบสังคมนิยม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของอำนาจแห่งชนผู้ใช้แรงงาน กรรมสิทธิ์รวม และเศรษฐกิจประชาคมโดยรัฐสังคมนิยม

.....................

ระบบการเมืองกับกฎหมายเอกชนเยอรมนี ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจในประเด็นเกี่ยวกับ หน้าที่ในการปกป้องสังคมของกฎหมายเอกชน กฎหมายเอกชนกับรัฐธรรมนูญเยอรมนี และกฎหมายเอกชนกับสหภาพยุโรป ซึ่งอาจารย์จะได้นำเสนอใน ระบบการเมืองกับกฎหมายเอกชนเยอรมนี (๒) ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น